ตามกระแสสวนแบบคนเมืองกันสักนิด เพราะนอกจากจะนิยมจัดสวนในพื้นที่แคบแล้ว การสร้างสวนให้รับประทานได้ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสรักษ์โลกที่กำลังฟื้นคืนชีพ และได้รับความนิยมจากคนเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งปลูกเพื่อรับประทานภายในครัวเรือนแบบง่าย ๆ ไม่เน้นความสวยงามและปลูกประดับจัดเป็นสวนหน้าบ้านให้ชวนมอง
หากบ้านไหนมีพื้นที่มากก็จัดปลูกในแปลงผักเป็นจริงเป็นจัง แต่หากมีพื้นที่น้อยก็จัดปลูกในกระถาง วางประดับตามมุมต่าง ๆ ในบ้าน อย่างระเบียง ส่วนซักล้าง และริมรั้ว ไม่ว่าจะเลือกปลูกผักแบบไหน การออกแบบสวนผักให้เป็นพื้นที่ที่สวยงามน่ามองก็เป็นเรื่องจำเป็นไม่น้อย ทั้งนี้ก็เพราะสวนผักเล็ก ๆ รอบ ๆ บ้านย่อมทำให้เป็นดูน่าอยู่ อบอุ่น ไม่แพ้การจัดสวนไม้ดอก แถมยังมีประโยชน์ตรงที่สามารถเก็บไปรับประทานได้อีกด้วย
ขั้นตอนแรกเริ่มในการปลูกผักจัดสวนหน้าบ้านนั้นไม่ยุ่งยากเลยสักนิด โดยสวนผักที่นำมาบอกเล่านี้เป็นสวนผักที่ปลูกลงดินจัดเป็นแปลงอย่างชวนมอง เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่มากกว่าสมควร ทั้งนี้ก็เพื่อให้พืชผักได้งดงามตามความเหมาะสม เพราะหากมีพื้นที่ไม่มากขอแนะนำให้ปลูกในกระถางจะดีกว่า
1. เลือกผักที่จะปลูก
สำหรับใครที่อยากปลูกผักไว้รับประทานเอง สิ่งแรกที่ต้องรู้คือต้องรู้ใจของตนเองและคนในครอบครัวว่าชอบทานผักอะไร
บางท่านไม่ชอบทานใบกะเพรา ก็ไม่ควรฝืนปลูกต้นกะเพรา เพราะนอกจากจะไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วยังเป็นการเสียพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ แต่หากชอบทานคะน้าก็ไม่ควรจะปลูกคะน้าเพียงอย่างเดียว ควรคำนึงไปถึงเมนูการประกอบอาหารด้วย และควรปลูกผักชนิดอื่น ๆ ผสมในแปลง อาทิ พริก โหระพา ต้นหอม ผักชี ตระไคร้ มะนาว ชะอม เพราะผักที่กล่าวมาข้างต้นเป็นผักที่ใช้ประกอบอาหารในหลาย ๆ เมนูไม่ว่าอย่างไรก็คงได้เก็บไปทานอย่างแน่นอน
ตกแต่งให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นด้วยการปลูกไม้ดอกอย่างกุหลาบ สร้างประตูไม้และรั้วไม้ไผ่ให้ดูดั่งว่าเป็นสวนบ้านไร่
ผักชีฝรั่ง ปลูกเรียงแถวดูเป็นระเบียบ ส่วนสาระแน แตกกลุ่มเป็นพุ่มจัดแต่งเป็นไม้คลุมดินก็ได้ หรือจะปลูกในกระถางแขวนก็ดี
ตะไคร้ เครื่องเทศดับคาว พืชสมุนไพรใช้ประกอบอาหารไทยหลายเมนู ปลูกเป็นพุ่มสามารถตัดแต่งรูปทรงได้ และโหระพา ปลูกเป็นพุ่มยาวตามแปลง
สร้างค้างให้ผักไม้เลื้อย อย่างฟัก ตำลึง อัญชัน ถั่วฝักยาว มีกำแพงต้นไทรเกาหลีเป็นแบล็กกราวด์
2. ออกแบบพื้นที่สวน
เข้าสู่ขั้นตอนสร้างความสวยงามกันบ้าง ระหว่างที่รอให้ต้นกล้ามีอายุมากพอที่จะลงแปลง เราจะมาเริ่มออกแบบแบบพื้นที่สวน โดยใช้หลักเกณฑ์ง่าย ๆ คือ แบ่งผักที่ชอบน้ำน้อยแดดน้อยให้อยู่ในมุมใกล้ ๆ กันเพื่อการดูแลที่ง่าย การจัดวางองค์ประกอบในสวนจะใช้หลักองค์ประกอบศิลป์คือจัดวางให้มีจุดนำสายตา ไล่ลำดับจากต่ำไปสูงและมีฉากหลังบังตา โดยอาจจะห้อยกระถางดอกไม้หรือห้อยกระถางผักชีประดับ
หากจะปลูกไม้เลื้อยอย่างถั่วฝักยาว อัญชัน ฟัก ตำลึง ต้องสร้างค้างให้เถาว์เลื้อยสามารถทำได้ทั้งแบบที่เป็นกระโจม ซุ้ม หรือสร้างเป็นรั้วไม้แบบง่าย ๆ ก็ได้ อย่าลืมสร้างทางเดินรอบ ๆ แปลงผักซึ่งอาจจะเป็นทางเดินแผ่นซีเมนต์ อิฐมอญ แผ่นศิลาแลง หรือจะโรยก้อนกรวดก็ดี และที่ขาดไม่ได้คือของตกแต่งอื่น ๆ อาทิรั้วไม้ งานปูนปั้นรูปสัตว์ โคมไฟ ม้านั่ง กังหันลม จะทำให้การจัดสวนหน้าบ้านดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
3. ออกตามหาเมล็ดพันธุ์
หลังจากเลือกได้ว่าจะปลูกผักอะไรแล้วสิ่งต่อมาคือการออกตามหาเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ง่ายมากเนื่องจากเมล็ดพันธุ์ผักมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายต้นไม้ตามตลาดต้นไม้ ตลาดนัดจตุจักร ห้างสรรพสินค้าอย่าง Big C หรือ Lotus ซึ่งจะมีให้เลือกหลายยี่ห้อ คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ไม่ต่างกันมากนัก
หลังจากได้เมล็ดพันธุ์มาแล้วให้อ่านคำแนะนำหลังซองอย่างละเอียด เนื่องด้วยผักบางชนิดอย่างผักชีจะต้องนำเมล็ดไปแช่น้ำสักชั่วโมงก่อนจะหว่านลงกระบะอนุบาล แต่บางชนิดต้องแช่น้ำเป็นวัน ถึงจะหยอดลงกระบะเพาะชำได้
4. เข้าห้องอนุบาลก่อนพาสู่แปลงประถม
ขั้นตอนต่อมาหลังจากได้เมล็ดพันธุ์คือการเตรียมเรือนอนุบาล หรือเรือนเพาะชำ เนื่องด้วยในชั้นเริ่มต้น ต้นกล้าอ่อนจำเป็นจะต้องถูกควบคุมการรับแดด น้ำ ลม และอุณภูมิรอบ ๆ ไม่ให้สูงเกินไป จนกระทั่งต้นกล้าแข็งแรงมีอายุมากพอจะปลูกลงแปลงได้จึงจะถูกย้ายลงแปลงใหญ่เพื่อเติบโตต่อไป
ในขั้นตอนอนุบาลต้นกล้าจะหยอดเมล็ดลงกระบะเพาะชำ เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกใบให้ย้ายลงกระถางขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 7 เซนติเมตร วางในกล่องควบคุมอุณภูมิเปิดรับแสงในตอนกลางวันส่วนตอนกลางคืนให้ใช้พลาสติกใสคลุมกล่องไว้
เมื่อต้นกล้าเริ่มเติบโต ควรระวังเรื่องระยะการวางกระถางเพื่อไม่ให้ต้นกล้าเบียดเสียดกัน และหากต้นกล้ามีอายุครบกำหนดลงแปลงแล้วควรรดน้ำต้นกล้าให้ชุ่ม เพราะเมื่ออยู่บนแปลงแล้วไม่ควรรดน้ำจนกว่าต้นกล้าจะแข็งแรง
5. ก่อนลงต้นกล้าต้องเตรียมหน้าดิน
เข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมดิน หลังจากที่กำหนดขนาดของแปลงเป็นที่เรียบร้อย (ขนาดของแปลงผักขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่มี) สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องปรับสภาพดินให้เกิดความเหมาะสมกับการเพาะปลูก
โดยการผสมปุ๋ยอินทรีย์ 70% ดิน 20% และผงถ่าน 10% หรืออาจจะผสมปูนขาวหรือปูนมาร์ลเพื่อลดความเป็นกรดก็ได้ ซึ่งเคล็ดลับของการเตรียมดินปลูกผักก็คือจะต้องระบายน้ำได้ดี
ใบย่านาง ปลูกให้เลื้อยตามรั้วไม้ไผ่ และอัญชัน ออกดอกสีม่วงดูสวยงามชวนมอง
ทำเครื่องดื่มให้ความรู้สึกสดชื่น
สตรอเบอรี่ ต้องการแสงน้อยและชอบอากาศเย็น แนะนำให้ปลูกในตำแหน่งที่แดดไม่แรง และผักกาดขาว ปลูกเป็นกอเว้นระยะระวังอย่าให้ใบชิดกันเกินไป
6. จากต้นกล้ามาเป็นต้นผัก
หลังจากต้นกล้าแข็งแรงและครบกำหนดอายุพร้อมจะปลูกในแปลงแล้ว กลับมาดูรูปแบบของสวนที่ออกแบบไว้ในตอนต้น แล้วกำหนดระยะของหลุมปลูกให้มีความห่างตามขนาดของต้นผัก
อาทิ ผักกาดหอมมีกอขนาดไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร จึงควรเว้นระยะระหว่างหลุมแต่ละหลุมมากกว่า 20 เซนติเมตร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผักเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และควรคลุมหน้าดินด้วยฟางข้าวเพื่อคุมความชื้นให้คงอยู่ในแปลงผัก
ในกรณีที่ซื้อต้นกล้ามาจากร้านจำหน่ายต้นไม้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะมีอายุมาก ให้เปลี่ยนกระถางที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและรดน้ำให้ชุ่มรอจนรากงอกใหม่จึงนำไปปลูกลงแปลงก็จะได้ต้นกล้าที่ดี วิธีนี้เหมือนเป็นทางลัดพาสู่แปลงผัก โดยไม่ต้องเพาะชำให้ยุ่งยากและใช้เวลาน้อยในการจัดวาง
วันนี้คิดปลูกพรุ่งนี้ก็เห็นผลทันทีเพียงแค่ต้องระวังถึงสารเคมีที่มาพร้อมกับต้นกล้าและใส่ใจในการเลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์เท่านั้น
7. ดูแลและเฝ้ารอ
สุดท้ายคือการดูแลรักษา ด้วยการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย เวลาที่เหมาะสมคือช่วง 6.00-8.00 น.และช่วงเย็นเวลา 17.00-18.00 น. โดยช่วงเวลาทั้งสองนี้เป็นช่วงแดดอ่อน ๆ ของวัน หากเลยช่วงนี้ไม่ควรรดน้ำเพราะจะทำให้ผักช็อคได้ และการรดน้ำแต่ละครั้งไม่ควรรดจนเกิดน้ำถ่วมขัง เพราะนั่นหมายถึงดินระบายน้ำไม่ทันจะทำให้รากผักเน่าเสีย
ส่วนช่วงเวลาใส่ปุ๋ยนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ผักซึ่งต้องการสารอาหารและระยะเวลาในการบำรุงที่แตกต่างกันออกไปด้วย
เพียงใส่ใจดูแลในทุกขั้นตอนตามที่กล่าวมา การปลูกผักจัดสวนหน้าบ้านก็จะมอบทั้งสีเขียวที่ดูสดชื่นและยังได้ทานผักสดๆ ปลอดสารพิษที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย